-
ห้อมเปียก 1 กิโลกรัม
ผสมกับน้ำด่าง 2 ลิตร
-
กวนให้เป็นเนื้อเดียวกัน
-
เติมน้ำซาวข้าว 2 ลิตร
-
เติมปูนขาว 300 กรัม
-
เติมน้ำมะขามเปียก 200
มิลลิลิตร
กวนส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกันประมาณ 30 – 40 นาที จนเกิดฟอง “แสดงว่าเกิดครามแล้ว” แต่ไม่สามารถนำไปย้อมได้
ทั้งนี้เนื่องจากค่าความเป็นกรด – ด่าง
ของน้ำย้อมยังไม่อยู่ในสภาพที่จะย้อมได้ ค่าความเป็นกรด –
ด่าง ที่เหมาะสมที่จะย้อมได้ คือ 10.50 – 11.00
เมื่อผสมส่วนผสมทั้งหมดแล้วตั้งทิ้งไว้จนกว่าจะได้
pH ที่กำหนดพร้อมกับทำการ “โจก” น้ำย้อมเช้า
– เย็น จนกว่าจะใช้ย้อมได้ โดยสังเกตจากฟองที่บนน้ำย้อม
จะมีสีน้ำเงินเข้มออกม่วง ฟองไม่ยุบ ส่วนด้านล่างของน้ำย้อมจะมีสีเหลืองเหมือนกับขมิ้น
แสดงว่าสามารถทำการย้อมฝ้าย – ผ้าได้
ขั้นตอนการทำห้อมเปียก
1.
นำห้อมสดซึ่งเก็บในตอนเช้าไม่เกิน 08.00
น.หรือในตอนเย็นหลัง 16.00 น. เพราะใบห้อมจะสดและให้เนื้อสีมากกว่าห้อมที่เก็บในเวลาอื่นๆ
2.
มัดเป็นกำๆ นำลงใส่ในหม้อหรือโอ่ง
3.
เติมน้ำสะอาดให้ท่วมใบห้อม
4.
แช่ให้ใบห้อมเน่า –
เปื่อยเป็นเวลา 72 ชั่งโมง
ในขณะที่ใบห้อมอยู่ในหม้อหรือโอ่งได้ 24 – 36 ชั่วโมง ให้กลับห้อมที่แช่จากด้านบนลงล่าง
และด้านล่างขึ้นด้านบนแช่ต่อไปจนครบกำหนด
5.
นำเอาเศษกิ่งก้านใบห้อมที่ยังไม่เปื่อยออกทิ้ง
6.
เติมปูนขาว 120 กรัม
7.
ใช้ชะลอม “ซวก” (กระแทกขึ้นกระแทกลงในหม้อหรือโอ่งที่ใช้หมัก)
จนเกิดฟองสีน้ำเงิน ซวกต่อไปจนกระทั่งฟองแตกตัวและยุบตัวลงไปจึงหยุดซวก
(ซึ่งการซวกเป็นการเติมออกซิเจนลงไปในน้ำหมักคราม) ตั้งทิ้งไว้ให้ห้อมตกตะกอน
8.
เทน้ำที่อยู่ด้านบนของห้อม
ซึ่งมีลักษณะสีเหลือง ทิ้งไปให้เหลือแต่ตะกอนห้อมที่อยู่ก้นหม้อหรือโอ่ง
กรองตะกอนห้อมที่ได้ด้วยผ้าฝ้าย ห้อมเปียกที่ได้ควรมีลักษณะแห้ง ไม่เหลวจนเกินไป
(มีความชื้นไม่เกินร้อยละ 25 โดยคำนวณจากน้ำหนักที่เปลี่ยนแปลง เมื่อนำไปอบใส่ความชื้น) เก็บห้อมเปียกที่ได้ในภาชนะที่ปิดสนิท
เพื่อนำไปใช้ในการก่อหม้อต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น